คำถามที่พบบ่อย

• 1.  

  บัญชีเทรดฟอเร็กซ์คืออะไร?

  บัญชีเทรดฟอเร็กซ์ก็คือบัญชีที่ปลดล็อกประตูสู่การซื้อขายเงินตราระดับโลกในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ อธิบายง่ายๆ ก็คือพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คุณได้ซื้อขายหรือเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินทั่วโลก ที่มาพร้อมเครื่องมือเทรดมากมายให้คุณสัมผัส

  2.  

  แล้วบัญชีแบบไหนที่เหมาะสุดในการเทรดฟอเร็กซ์?

  บัญชีที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับสไตล์ ระดับประสบการณ์ และเป้าหมายของแต่ละคน แต่ก็มีปัจจัยที่ควรพิจารณาให้ดีดังนี้:

  • ประเภทบัญชี (มาตรฐาน มินิ หรือไมโคร)
  • ฝากขั้นต่ำ
  • เลเวอเรจที่มีให้ใช้
  • สเปรดและค่าคอมมิชชั่น
  • แพลตฟอร์มเทรด
  • การให้บริการลูกค้า

  ตามงานวิจัยและการเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์หลายๆ ที่นั้น บัญชีที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรดหลากหลายและระดับความกล้าเสี่ยงของแต่ละคน

• 3.  

  จะเปิดบัญชีเทรดฟอเร็กซ์ได้อย่างไร?

  ในการเปิดบัญชีเทรดฟอเร็กซ์ ให้ทำตามขั้นตอนง่ายๆ นี้:

  • ค้นหาและเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ดังๆ
  • เข้าเว็บไซต์ของโบรกเกอร์และเข้าไปยังส่วนเปิดบัญชี
  • เลือกประเภทบัญชีที่คุณต้องการเปิด
  • กรอกข้อมูลส่วนบุคคล
  • แนบเอกสารประจำตัวที่ต้องใช้ในการตรวจสอบ
  • ฝากเงินเข้าบัญชีผ่านช่องทางที่โบรกเกอร์มี
  • ดาวน์โหลดและติดตั้งแพลตฟอร์มเทรด
  • เริ่มเทรดได้เลย
  4.  

  บัญชีเทรดฟอเร็กซ์มีแบบไหนบ้าง?

  โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์จะมีบัญชีต่อไปนี้ให้เทรดเดอร์ได้เทรดฟอเร็กซ์:

  • บัญชีมาตรฐาน: เหมาะกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ พร้อมฝากเงินเยอะหรือเทรดด้วยล็อตที่สูงขึ้นเป็นหลัก
  • บัญชีมินิ: เหมาะกับเทรดเดอร์ระดับกลางที่ฝากเงินน้อยลงมาและเปิดล็อตที่เล็กกว่า
  • บัญชีไมโคร: เหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ที่เปิดล็อตที่เล็กที่สุดและฝากเงินขั้นต่ำ
  • บัญชีทดลอง: บัญชีประเภทนี้จะถูกใช้เฉพาะตอนฝึกเทรดด้วยการใช้เงินเสมือนจริง เพื่อทดสอบกลยุทธ์โดยไม่ต้องเสี่ยงเสียเงินจริง
  • บัญชี ECN: เป็นบัญชีที่เชื่อมต่อกับตลาดกลางโดยตรง ทำให้มีค่าสเปรดที่แคบลง แต่มีค่าคอมมิชชันสูงขึ้น
  • บัญชีเทรดผ่านผู้จัดการ: เป็นบัญชีที่มีมือโปรคอยดูแลบัญชีให้ พร้อมดูแลเงินทุนในนามของคุณเสมอ
• 5.  

  ต้องฝากเงินขั้นต่ำเท่าไหร่ในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์?

  โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะมีการกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำสำหรับการฝากเข้าบัญชีเทรดไว้ แต่อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามบัญชีแต่ละประเภท โดยส่วนใหญ่จะอยู่ระหว่าง $5-$10 ไปจนถึง $100 หรือมากกว่านั้นสำหรับโบรกเกอร์บางแห่ง โดยทั่วไป บัญชีมาตรฐานจะมีการกำหนดเงินฝากขั้นต่ำที่สูงกว่าบัญชีมินิหรือไมโคร

  6.  

  เลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์อย่างไรดี?

  มีคำแนะนำมากมายในการเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ใช้ มาดูเช็กลิสต์สำคัญที่ควรพิจารณากันก่อน:

  • มีการกำกับดูแลและใบอนุญาต
  • การเก็บค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ (สเปรดและคอมมิชชัน)
  • จำนวนคู่สกุลเงินและสินทรัพย์ที่เปิดให้เทรด
  • คุณภาพของแพลตฟอร์มเทรดและเครื่องมือ
  • คุณภาพในการให้บริการลูกค้า
  • ความเร็วและความเสถียรในการออกออเดอร์
  • คุณภาพในการให้ความรู้
  • ประเภทบัญชีที่มีและฟีเจอร์ในบัญชี
  • ช่องทางฝาก/ถอน
  • ชื่อเสียงของโบรกเกอร์และรีวิวจากผู้ใช้จริง

  อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ ใช้เวลาศึกษา เปรียบเทียบโบรกเกอร์หลายๆ เจ้าที่คุณได้ลิสต์เอาไว้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ

• 7.  

  ค่าธรรมเนียมอะไรบ้างที่เรียกเก็บในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์

  มาดูกันว่ามีค่าธรรมเนียมอะไรบ้างที่ต้องจ่ายในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์:

  • สเปรด: คือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ และราคาขายของคู่สกุลเงิน
  • ค่าคอมมิชชั่น: อาจเป็นจำนวนคงที่หรือเป็นเปอร์เซ็นต์และจะถูกเรียกเก็บต่อการซื้อขาย
  • ค่าสวอปและโรลโอเวอร์: จะถูกเรียกเก็บถ้ามีการถือออเดอร์ข้ามคืน
  • ค่าธรรมเนียมเมื่อไม่ได้ใช้งาน: จะมีการเรียกเก็บหากปล่อยบัญชีทิ้งไว้โดยไม่ทำอะไรเกินระยะเวลาที่กำหนด
  • ค่าธรรมเนียมฝากถอนเงิน: ขึ้นอยู่กับช่องทางที่ใช้

  คำแนะนำ: อย่าลืมเช็ควิธีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ให้ละเอียดก่อนเปิดบัญชี

  8.  

  เปิดบัญชีเทรดฟอเร็กซ์กับโบรกเกอร์หลายๆ ที่ได้ไหม?

  ได้แน่นอน คุณมีสิทธิ์เปิดบัญชีเทรดฟอเร็กซ์หลายบัญชีกับหลายโบรกเกอร์ได้ เทคนิคนี้มีชื่อเรียกว่า “Multi-Broker Trading” นั่นเอง ซึ่งจะมีข้อดีดังต่อไปนี้:

  • ได้เข้าถึงสภาพแวดล้อมการเทรดและสินทรัพย์ที่หลากหลาย
  • ได้เปรียบเทียบคุณภาพการบริการแบบเห็นได้ชัด
  • ได้กระจายความเสี่ยง
  • มีโปรโมชันหลากหลายและรับโบนัสมากมายจากหลายๆ เจ้า

  อย่างไรก็ตาม การดูแลหลายบัญชีพร้อมกันอาจทำให้คุณต้องใช้เวลาบริหารเยอะขึ้นและทำให้ล้าได้ ดังนั้นการถือหลายบัญชีพร้อมกันถือเป็นเรื่องยาก อาจต้องประเมินว่าสามารถจัดการบัญชีพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

• 9.  

  จะจัดการความเสี่ยงในบัญชีเทรดฟอเร็กซ์ได้อย่างไร?

  การจัดการความเสี่ยงถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่สุดแล้วในการเปิดประตูสู่ความสำเร็จระยะยาวในการเทรดฟอเร็กซ์ มาดูกันว่ามีวิธีสำคัญอะไรบ้างที่คอยจัดการความเสี่ยงในพอร์ตไม่ให้แตก:

  • ใช้ Stop-Loss ทุกครั้ง เพื่อลดโอกาสการขาดทุนที่ไม่รู้จบ
  • เล็อกขนาดล็อตให้เหมาะสมกับยอดคงเหลือ
  • กระจายความเสี่ยง อย่าทุ่มหมดหน้าตักกับคู่เงินคู่เดียว
  • อย่าใช้เลเวอเรจสูงเกิน ให้ใช้เลเวอเรจที่มีขนาดพอดีก็เพียงพอแล้ว
  • อย่าหยุดพัฒนาตัวเองในการเรียนรู้ตลาด คอยเก็บเกี่ยวเทคนิควิเคราะห์ใหม่ๆ เสมอ
  • ใช้บัญชีทดลองเพื่อทดสอบกลยุทธ์ก่อนลงเงินจริง
  • เขียนไดอารี่การเทรดของตนเองเสมอ เพื่อติดตามและวิเคราะห์ผลงาน
  • ตั้งเป้าการทำกำไรที่ทำได้จริง และยึดตามกลยุทธ์ที่วางไว้ไม่ให้หลุดโฟกัส
  10.  

  ทำไมต้องฝึกเทรดในบัญชีทดลองก่อนเปิดบัญชีเทรดฟอเร็กซ์จริง?

  บัญชีทดลองขึ้นชื่อว่าเป็นสนามซ้อมเทรด เป็นบัญชีที่เต็มไปด้วยข้อดีมากมาย จะมือใหม่หรือมือโปร ก็ควรใช้บัญชีทดลองทั้งนั้น

  • ฝึกเทรดโดยไร้ซึ่งความเสี่ยง: ทดสอบกลยุทธ์ได้ทุกแบบ โดยไม่ต้องเสี่ยงเสียเงินแม้แต่บาทเดียว
  • เป็นไกด์นำทางคุณในแพลตฟอร์มเทรด: ให้คุณได้ทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มเทรด ฟีเจอร์ และเครื่องมือมากมาย
  • สัมผัสสตลาดของจริง: ให้คุณได้เห็นว่าคู่เงินแต่ละคู่นั้น พุ่งขึ้นหรือดิ่งลง อย่างไรได้แบบเรียลไทม์
  • พัฒนาและขัดเกลากลยุทธ์: ให้คุณได้ทดสอบกลยุทธ์ และตัดสินใจได้ว่าแผนไหนทำเงินได้จริง
  • เพิ่มความมั่นใจของคุณ: ยิ่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากเท่าไหร่ ตอนเทรดฟอเร็กซ์ของจริง คุณก็จะนิ่งและมั่นใจขึ้นเยอะ
  • ประเมินคุณภาพของโบรกเกอร์: เช็คความน่าเชื่อถือและความเร็วในการออกออเดอร์ว่ารวดเร็วทันใจแค่ไหน
  • เรียนรู้การจัดการความเสี่ยง: ฝึกวางคำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit ให้เป็น
  • เข้าใจว่าอารมณ์ส่งผลอย่างไรต่อการเทรด: ลองศึกษาเรื่อง จิตวิทยาการเทรด เพื่อจัดการอารมณ์ของตนเองให้อยู่หมัด

  โบรกเกอร์ระดับท็อปส่วนใหญ่ก็มักมีบัญชีทดลอง ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์เทรดฟอเร็กซ์แบบฟรีๆ ก่อนเปิดบัญชีจริง