Icon close
change language change language ภาษาไทย

เส้นทางการเติบโตของ STARTRADER

หนึ่งใน
โบรกเกอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

เส้นทางการเติบโตของ STARTRADER

หนึ่งใน
โบรกเกอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

US

เติมพลังแห่งการลงทุนด้วยน้ำมันให้ความร้อน

  • แม้จะมอบความอบอุ่นให้กับบ้านได้ น้ำมันทำความร้อนยังสามารถเป็นเกราะป้องกันความผันผวนของตลาดได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ใช่ป้องกันได้แค่ความหนาวเย็นอีกต่อไป

  • เมื่อฤดูหนาวมาเยือน อุณหภูมิลดต่ำลง ราคาน้ำมันให้ความร้อนจะพุ่งสูงขึ้น เปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ร้อนแรงที่น่าลงทุนอีกหนึ่งอย่าง

จุดประกาศโอกาสตอนนี้เลย

เพิ่มน้ำมันให้ความร้อนเข้าพอร์ตของคุณ

Heating Oil Trading
Heating Oil Trading

จะเริ่มเทรดน้ำมันให้ความร้อน CFD กับ STARTRADER ได้อย่างไร?

เส้นทางการเทรดน้ำมันให้ความร้อนกับ STARTRADER จะเป็นไปอย่างราบรื่นแน่นอน หากคุณทำตามต่างๆ นี้:

  • ขั้นตอนที่ 1-  ศึกษาตลาดน้ำมัน ให้ระวังไว้เสมอว่าราคาของน้ำมันแต่ละประเภทสามารถส่งผลถึงกันได้ ดังนั้นคุณควรทำความเข้าใจภาพรวมทั้งตลาดให้ชัดเจนก่อนเริ่มต้น

  • ขั้นตอนที่ 2-  จากความรู้ที่คุณได้ศึกษามาแล้ว ก็นำมาประกอบกันเป็นกลยุทธ์ที่คำนึงถึงเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้

  • ขั้นตอนที่ 3-  เมื่อมั่นใจเต็มที่แล้ว ก็เปิดบัญชีจริงและเริ่มเทรดได้

ทำไมต้องเทรดน้ำมันให้ความร้อนกับ STARTRADER?

Categories

แอปเทรดระดับท็อปเทียร์

สะดวก ปลอดภัย และใช้ได้ง่ายๆ ให้คุณเข้าถึงตลาดได้ทุกที่ทุกเวลา มาพร้อมลิสต์สินทรัพย์โปรดที่ให้คุณปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เพื่อติดตามออเดอร์ได้ตลอดไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน

Geer

ออกออเดอร์ได้ใน 100 มิลลิวินาที

ในโลกแห่งการเทรด การดำเนินคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว คือการสร้างความแตกต่างได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีความหน่วงต่ำสุด ออเดอร์ของคุณจะพร้อมออกใน 100 มิลลิวินาทีเสมอ ให้คุณคว้าโอกาสได้ทันที

Direction Arrow

สเปรดที่แคบเป็นพิเศษ

ทำกำไรให้สูงสุดด้วยค่าสเปรดที่ไม่เป็นรองใครบนแพลตฟอร์มเทรดทองระดับท็อป เริ่มที่ 0.0 pips ค่าธรรมเนียมที่ต่ำลงหมายถึงกำไรที่สูงขึ้น

Customer Service

การให้บริการตลอด 24/6

รับคำแนะนำและข้อมูลเกี่ยวกับการเทรดได้ตลอดที่ต้องการ เราพร้อมให้การสนับสนุนด้วยความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของเรา

Leverage

เลเวอเรจสูงถึง 1:1000

ด้วยเลเวอเรจที่ใช้ได้ถึง 1:1000* คุณจะมีโอกาสได้เปิดโพสิชันที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลง และขยายการเข้าถึงสินค้าเกษตร CFD มากมาย อย่างไรก็ตาม ควรระลึกไว้เสมอว่าเลเวอเรจที่สูงขึ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ให้ขึ้นใจ ต้องคอยหมั่นติดตามข้อมูล และใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเสมอ *เลเวอเรจที่เกินกว่า 1:30 อาจไม่สามารถใช้ได้ในบางภูมิภาค เนื่องจากข้อบังคับด้านกฎระเบียบ

Trading

บัญชีเทรดที่หลากหลาย

คุณจะได้เลือกบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและประสบการณ์ ไล่ตั้งแต่บัญชีทดลองไปจนถึงบัญชีมาตรฐานและ ECN หากยังเป็นมือใหม่ ให้เริ่มต้นจากบัญชีทดลอง หรือเลือกบัญชีมาตรฐานและบัญชี ECN เพื่อเข้าถึงค่าสเปรดและเลเวอเรจที่ไม่เป็นรองใคร!

คำถามที่พบบ่อย

  • 1.  

    การเทรดน้ำมันให้ความร้อนคืออะไร?

    การเทรดน้ำมันให้ความร้อนในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์ คือการซื้อและขายน้ำมันให้ความร้อนโดยมีเป้าหมายเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคาระหว่างราคาขายและราคาซื้อ

    การเทรดน้ำมันให้ความร้อนของจริงคือการแลกเปลี่ยนสินค้าของจริงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย

    แต่การแลกเปลี่ยนสินค้าจริงไม่ใช่วิธีเดียวของการลงทุนในสินทรัพย์นี้ เพราะมีแพลตฟอร์มเทรดน้ำมันมากมายที่เปิดโอกาสให้คุณได้เทรดน้ำมัน CFD หรือ น้ำมันฟิวเจอร์สได้ ลองมาดูกันว่าทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง:

    • น้ำมันให้ความร้อนฟิวเจอร์ส คือสัญญาซื้อขายน้ำมันให้ความร้อนล่วงหน้าแบบมาตรฐาน โดยนักลงทุนต้องกำหนดว่าจะซื้อหรือขายน้ำมันให้ความร้อนจำนวนเท่าไหร่ รวมถึงกำหนดราคาและวันที่ซื้อขายไว้ล่างหน้าด้วย
    • การเทรดน้ำมันให้ความร้อน CFD คือการเปิดโอกาสให้เทรดการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันให้ความร้อนโดยไม่ต้องยุ่งในการหาสินทรัพย์จริงๆ มาครอบครอง

    และเพราะ CFD ไม่มีวันหมดอายุ เทรดเดอร์หลายคนจึงมองว่ามันสะดวกกว่า แต่ทั้งสองรูปแบบนี้ก็เปิดโอกาสเทรดเดอร์ได้ใช้เลเวอเรจ

    ถึงเลเวอเรจจะให้คุณได้เปิดโพสิชันที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนที่น้อยลงก็ตาม แต่มันก็สามารถเพิ่มโอกาสการขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้นเทรดเดอร์ควรระวังการใช้งานให้ดี

    2.  

    น้ำมันให้ความร้อนต่างจากเชื้อเพลิงให้ความร้อนอื่น ๆ อย่างไร?

    เพื่อให้คุณได้เห็นภาพถึงความแตกต่างระหว่างน้ำมันทำความร้อนและเชื้อเพลิงให้ความร้อนอื่นๆ เราขอสรุปเชื้อเพลิงทำความร้อนประเภทต่างๆ ให้ดูก่อน:

    • ก๊าซธรรมชาติ
    • โพรเพน
    • ไฟฟ้า

    เชื้อเพลิงทั้งหมดนี้ต่างก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในบ้านเรือน เพื่อสร้างความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวนั่นเอง

    แล้วเชื้อเพลิงเหล่านี้ต่างกันยังไง ในแง่ขององค์ประกอบ?
    น้ำมันทำความร้อนสำหรับระบบส่วนกลางของอาคาร คือเชื้อเพลิงที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ หน้าตาอาจคล้ายดีเซล แต่ถูกย้อมสีให้แตกต่างกัน เพราะเหตุผลด้านภาษี

    • ก๊าซธรรมชาติ: คือก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่สกัดได้จากการกระบวนการผลิตก๊าซธรรมชาติและการกลั่นน้ำมันดิบ
    • ไฟฟ้า: เป็นพลังงานที่เกิดจากแหล่งที่มาหลากหลาย เช่นเชื้อเพลิงฟอสซิล พลังนิวเคลียร์ หรือแม้แต่พลังงานสะอาด (แผงโซลาร์เซลล์และลม)

    อย่างไรก็ตาม แหล่งที่มานั้นยังไม่ใช่จุดแตกต่างเพียงอย่างเดียว การจัดเก็บเชื้อเพลิงแต่ละอย่างก็ไม่เหมือนกันอีก อย่างน้ำมันให้ความร้อนก็ต้องเก็บไว้ในถังที่ติดตั้งอยู่ในพื้นที่เฉพาะ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ส่วนโพรเพนก็เก็บในถังเช่นกัน อาจอยู่เหนือดินหรือใต้ดินที่ใดซักที่

    ส่วนก๊าซธรรมชาติถูกส่งผ่านท่อใต้ดิน ในขณะที่ไฟฟ้าก็วิ่งผ่านสายไฟตรงเข้าสู่ระบบบ้าน ซึ่งสองอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องจัดเก็บแต่อย่างใด

    แม้น้ำมันทำความร้อนจะปล่อยปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงขึ้น แต่ก็ขึ้นชื่อว่าให้ประสิทธิภาพสูงสุด

  • 3.  

    ปัจจัยใดที่จะส่งผลต่อราคาน้ำมันให้ความร้อน?

    ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบฟิวเจอร์สหรือ CFD ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้ความร้อนก็คล้ายๆ กัน:

    • น้ำมันดิบ
      คุณอาจสงสัยว่า ทำไมน้ำมันชนิดหนึ่งถึงส่งผลกระทบต่อราคาของอีกชนิดใช่ไหม? เพราะน้ำมันดิบ คือวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตน้ำมันให้ความร้อน ดังนั้นราคาของน้ำมันดิบย่อมส่งผลต่อราคาน้ำมันทำความร้อนโดยตรง!
    • อุปสงค์และอุปทาน
      ความต้องการที่สูงขึ้นอาจทำให้ราคาน้ำมันทำความร้อนพุ่งขึ้นได้หากการผลิตมีจำกัด อุปทานที่มากขึ้นอาจหมายถึงราคาที่ดีขึ้น
    • ต้นทุนการจัดส่งและการขนส่ง
      ต้นทุนในการกลั่น ขนส่ง และส่งมอบน้ำมันให้ความร้อนไปยังตลาดท้องถิ่นก็มีบทบาทสำคัญ
    • สภาพอากาศ
      สภาพอากาศที่รุนแรงอาจขัดขวางกระบวนการผลิตได้ ส่งผลให้ปริมาณลดลง และก็ยิ่งทวีคูณปัญหาไปอีกหากฤดูหนาวมาเยือน ทำให้ความต้องการสูงขึ้น ราคาก็อาจจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วได้
    • นโยบายและข้อบังคับจากรัฐบาล
      การตัดสินใจของรัฐบาลที่ส่งเสริมการเผาไหม้ที่รักโลก อาจจะมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้ความร้อน คนก็อาจหันไปหาทางเลือกอื่นๆ ราคาน้ำมันให้ความร้อนก็จะตกตาม
    4.  

    จะลงทุนในน้ำมันให้ความร้อนอย่างไร?

    การซื้อขายน้ำมันให้ความร้อนของจริง น้ำมันให้ความร้อนฟิวเจอร์ส และน้ำมันให้ความร้อน CFD คือสามวิธีหลักๆ ที่เทรดได้

    ลองมาดูคำอธิบายเกี่ยวกับแต่ละวิธีและทางเลือกอื่นๆ ที่ใช้ได้ในการลงทุนกับน้ำมันทำความร้อน:

    • น้ำมันให้ความร้อนฟิวเจอร์ส: เป็นการเทรดสัญญาที่ล็อกราคาไว้ในอนาคต โดยสามารถใช้เลเวอเรจได้และยังมีสภาพคล่องสูงด้วย แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงสูงและความซับซ้อนในการเทรด
    • หุ้นพลังงาน: ลงทุนในบริษัทกลั่นหรือส่งออกน้ำมันทำความร้อนก็ได้เช่นกัน ซึ่งมักจะมีเงินปันผลและโอกาสในการเติบโตที่จะได้รับในภายหลัง วิธีนี้คือการเก็งกำไรจากราคาหุ้นน้ำมันนั่นเอง
    • กองทุนรวมน้ำมันให้ความร้อน: ลงทุนในกองทุนรวมที่มีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพที่มีสินทรัพย์พลังงานรวมอยู่ด้วย เพื่อกระจายพอร์ตได้ดียิ่งขึ้น
    • การลงทุนโดยตรงกับผู้ผลิตน้ำมันให้ความร้อน: ซื้อหุ้นของบริษัทผลิตน้ำมันให้ความร้อนที่ทำธุรกิจที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ พร้อมยังมอบโอกาสในการสร้างรายได้อีกด้วย
    • CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง): คือการเก็งกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันให้ความร้อนโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง ซึ่งจะมีเลเวอเรจให้ใช้และมีความยืดหยุ่นในการเทรดสูง
  • 5.  

    ฉันจะเริ่มซื้อขายฮีทติ้งออยล์ฟิวเจอร์สได้อย่างไร

    ไม่ว่าคุณจะเลือกเทรดน้ำมันให้ความร้อนด้วยฟิวเจอร์ส หรือ CFD ก็ตาม อันดับแรกคือการเลือกโบรกเกอร์ที่คุณไว้ใจก่อน

    เราคงไม่สามารถเน้นได้มากไปกว่านี้แล้วว่า การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับควบคุมและมีสิทธิประโยชน์พร้อมมอบให้คุณนั้นสำคัญขนาดไหน:

    • สเปรดต่ำกว่า: ยิ่งส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (ask) กับราคาขาย (bid) ต่ำเท่าไร โอกาสในการทำกำไรก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
    • ประเภทบัญชีที่หลากหลาย: ควรเริ่มจากบัญชีทดลองก่อนเสมอ เพราะจะช่วยให้คุณเข้าถึงประสบการณ์เทรดแบบเต็มรูปแบบ แล้วค่อยขยับไปใช้บัญชี STP หรือ ECN ได้ภายหลัง
    • การออกออดอร์ที่รวดเร็ว: เพราะตลาดนั้นเคลื่อนที่ตลอดเวลา ถ้าคุณเห็นโอกาสเมื่อไหร่ คุณก็ออกออเดอร์ได้ทันทีโดยไร้ซึ่งความหน่วง
    • ฝากถอนเงินง่ายและรวดเร็ว
    • พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง: หากมีคำถามหรือปัญหาใดๆ ก็มีเจ้าหน้าที่พร้อมช่วยคุณได้ทันที

    เมื่อคุณเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่ได้แล้ว ก็เปิดบัญชีทดลองก่อน ทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มที่มี และทำความเข้าใจตลาดน้ำมันให้ความร้อนให้ลึกซึ้ง

    ความรู้เรื่องตลาดและแพลตฟอร์มคือรากฐานของการสร้างกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง

    หากคุณรู้สึกพร้อมแล้ว ก็เปิดบัญชีจริง แล้วเริ่มเทรดน้ำมันให้ความร้อนได้เลย

    6.  

    แพลตฟอร์มเทรดน้ำมันคืออะไร?

    แพลตฟอร์มเทรดน้ำมัน คือแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนได้ซื้อขายน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันอื่นๆ เช่น น้ำมันให้ความร้อน น้ำมันเบรนท์ และ WTI (West Texas Intermediate) ได้อย่างง่ายดายและทันสมัยผ่านโลกออนไลน์

    • การเข้าถึงตลาดน้ำมันได้ทันที: ด้วยแพลตฟอร์มเหล่านี้ คุณจะได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบ น้ำมันให้ความร้อน น้ำมันเบรนท์ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องน้ำมันอื่นๆ ได้
    • การสร้างกราฟและการวิเคราะห์: มีข้อมูลตลาดเรียลไทม์ กราฟ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค และข่าวล่าสุด ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเทรดน้ำมันฟิวเจอร์สหรือ CFD
    • ออกออเดอร์ได้เร็วทันใจ: เพื่อให้คุณได้เทรดน้ำมันเบรนท์ น้ำมันให้ความร้อน และน้ำมันดิบด้วยความเร็ว แพลตฟอร์มเทรดต้องรองรับคำสั่งหลากหลายรูปแบบ เช่น Market Orders (คำสั่งซื้อขายทันที), Limit Orders (กำหนดราคาที่ต้องการซื้อ/ขาย) และ Stop-Loss Orders (คำสั่งตัดขาดทุน)
    • การจัดการเสี่ยงได้อย่างมีระบบ: เพื่อให้คุณขัดเกลากลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพนั้น แพลตฟอร์มจะต้องมีฟีเจอร์อย่าง เลเวอเรจ การเทรดด้วยมาร์จิน และเครื่องมือจัดการความเสี่ยงให้ใช้ เครื่องมือเหล่านี้ต่างออกแบบมาเพื่อช่วยคุณควบคุมความเสี่ยงทั้งสิ้น
  • 7.  

    แอปเทรดน้ำมันทำงานอย่างไร?

    แอปเทรดน้ำมันคือเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์ได้เข้าถึงตลาดน้ำมันได้ทุกที่ทุกเวลา แอปเหล่านี้พร้อมให้คุณได้เข้าถึงบัญชีเทรดทันทีผ่านสมาร์ทโฟนโดยตรง อย่างเช่น แอป STARTRADER ที่มีน้ำมัน CFD ให้เทรด

    ในแอปเทรดน้ำมันจะมีบัญชีทดลองให้เริ่มฝึกเทรดก่อน และทำความคุ้นเคยกับระบบฟีเจอร์มากมายที่แอปมีให้คุณ

    เมื่อมั่นใจเต็มที่แล้ว เทรดเดอร์ก็สามารถเปิดบัญชีจริงผ่านแอปได้โดยตรง หากได้รับการอนุมัติและยืนยันตัวตนเรียบร้อย ก็สามารถออกออเดอร์แรกได้เลย

    แอปเหล่านี้เหมือนมี MT4 ให้ใช้ในมือ เพราะคุณจะได้รับข้อมูลตลาดและข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับน้ำมัน เพื่อช่วยให้คุณรู้ทันทุกความเคลื่อนไหวและตัดสินใจเทรดได้แม่นยำขึ้น

    คุณจะได้ออกออเดอร์มากมายผ่านแอปได้ง่ายๆ เช่น Market Order (คำสั่งซื้อ/ขายทันที), Limit Order (คำสั่งซื้อขายเมื่อราคาถึงเป้า) และ Stop Loss (คำสั่งตัดขาดทุน)

    8.  

    ราคาน้ำมันเบรนท์มีบทบาทสำคัญอย่างไร?

    น้ำมันเบรนท์คือหนึ่งในตัวกำหนดราคาน้ำมันดิบของโลก คุณคงสงสัยว่าทำไมมันถึงมีบทบาทขนาดนั้น ก็เพราะสองในสามของปริมาณน้ำมันดิบทั้งหมดที่ผลิตในโลกถูกกำหนดราคาด้วยน้ำมันดิบเบรนท์นั่นเอง ดังนั้น น้ำมันเบรนท์เป็นกระจกสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดน้ำมัน ความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ และอุปสงค์/อุปทานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

    ทั้งราคาน้ำมันเบรนท์และน้ำมันทำความร้อนนั้นมีจุดเชื่อมโยงกัน เพราะน้ำมันทั้งสองประเภทต่างก็สกัดมาจากแหล่งเดียวกัน เมื่อราคาน้ำมันเบรนท์สูงขึ้น ราคาน้ำมันให้ความร้อนก็มักจะขยับขึ้นตามไปด้วย

  • 9.  

    กลยุทธ์ไหนที่ใช้ได้ดีในการเทรดน้ำมันดิบ?

    การเลือกกลยุทธ์ที่ใช่ของแต่ละคนนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว นอกจากนี้ ระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนยอมรับได้ก็มีส่วนสำคัญในการเลือกกลยุทธ์ด้วยเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วก็จะมีกลยุทธ์ให้ใช้ได้ตามนี้:

    • 1. Trend Following
      เป็นกลยุทธ์ที่มองหาแนวโน้มของตลาด แล้วเทรดตามทิศทางนั้นโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือเส้นแนวโน้ม
    • 2. Range Trading
      เป็นกลยุทธ์ที่บอกระดับราคาน้ำมันดิบที่สวิงไปมาระหว่างแนวรับและแนวต้าน ให้เข้าซื้อเมื่อราคาลงใกล้แนวรับ และขายเมื่อราคาขึ้นแตะแนวต้าน
    • 3. เทรดตามข่าว
      เป็นกลยุทธ์ที่เน้นเทรดตามข่าวสำคัญ เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือการตัดสินใจของ OPEC
    • 4. Breakout Trading
      เป็นกลยุทธ์ที่เฝ้าสังเกตระดับราคาสำคัญที่มักมีการทะลุกรอบ แล้วเปิดออเดอร์เมื่อราคาทะลุผ่านระดับเหล่านั้น
    • 5. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
      ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทาน เช่นสภาพเศรษฐกิจโลก ปริมาณการผลิต และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์
    • 6. Position Trading
      เป็นกลยุทธ์ที่เน้นถือครองออเดอร์ในระยะยาวเป็นสัปดาห์ถึงเดือน โดยอิงตามแนวโน้มระยะยาวของตลาด

เริ่มเทรดกับโบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลก

พร้อมเทรดแล้วหรือยัง?

STARTRADER

Online Trading App

Online App Score
Install
Customer Service
Customer Service